Main Menu

Recent posts

#11
โหดจัดด  :o  :o
#12

Kawasaki Z900RS CAFE เป็น Naked Bike เเนวคลาสสิคอีกรุ่นของคาวาซากิ ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยความเป็นรถจักรยานยนต์โมเดิร์น คลาสสิคอย่างแท้จริง ทำให้จิตวิญญาณของตำนานยุค 70 สามารถโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเร้าใจ

Kawasaki Z900RS CAFE
มีขนาดมิติตัวรถที่ได้รับการออกเเบบมาเป็นอย่างดี ด้วยความกว้างอยู่ที่ 845 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,100 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,190 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,470 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 820 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 17 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 216 กิโลกรัม เป็นโมเดลของยุค 70 ที่น่าสนใจอีกรุ่น

Kawasaki Z900RS CAFE  นั้นมาพร้อมกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เเรงด้วยขุมพลังสี่สูบเรียงปริมาตรกระบอกสูบ 948 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke, 4-cylinder มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 73.4 x 56.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 10.8 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ  Wet multi-disc โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø38 mm x 4 with oval sub-throttles โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric เรียกว่าสมรรถนะเเรงใช้ได้เลยทีเดียวสำหรับรถคลาสสิครุ่นนี้

Kawasaki Z900RS CAFE  นั้นมีเฟรมเเบบถัก TRELLIS ทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถมีความเบา และได้รูปลักษณ์และคาแรคเตอร์แบบรถเรโทรสปอร์ต ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ ø41 mm inverted fork with compression and rebound damping and spring preload adjustability  ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ Horizontal Back-link, gas-charged shock with rebound damping and spring preload adjustability  ในขณะที่ระบบเบรกด้านหน้าจะเป็นเเบบ Dual semi-floating ø300 mm discs caliper Dual radial-mount, monobloc, opposed 4-piston ส่วนระบบเบรกด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø250 mm petal discs caliper Single-piston โดยที่ยางหน้ามีขนาด 120/70ZR17 M/C (58W) ส่วนยางหลังมีขนาด 180/55ZR17 M/C (73W) หน้าจอเเสดงผลเป็นเรือนไมล์อนาล็อกคู่พร้อมจอ LCD มัลติฟังก์ชั่น ด้วยจอ LCD แบบ Negative ที่อ่านง่าย เพราะตัวอักษรสีขาวพื้นหลังสีดำ โคมไฟหน้าแบบ LED ดวงใหญ่ 1 ดวงพร้อมกับกระจังหน้าเเนวเรโทร ให้ความรู้สึกย้อนยุคสุดๆ เเละโดดเด่นด้วยท่อไอเสียเเบบท่อเฮดเดอร์ทรง Double-walled ที่ช่วยให้รูปลักษณ์ของท่อไอเสียดูทรงพลัง มาพร้อมกับชุดเเต่งก็เพียบให้ได้เลือกเพิ่มเติมกัน ส่วนตัวบอดี้นั้นมี 3 สี ให้เลือกทั้งสีเขียว GREEN / BLACK (2020), สีเทา GRAY (2019) เเละสีเขียว VINTAGE LIME GREEN (2018)

โดยสนราคาของ Kawasaki Z900RS CAFE  นั้นเคาะราคาขายกันออกมาที่ 505,000 บาท นับว่าคุ้มค่ากับ Naked Bike เเนวคลาสสิค ยุค 70 ที่มีสมรรถนะเเรงสะใจ
#13

รถจักรยานยนต์ในขนาด 250 ซีซีนั้น ต้องบอกเลยว่าคาวาซากิ ถือว่าเป้นหนึ่งในรถรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะตั้งเเต่การเปิดตัวของ Ninja 250R ออกมาเมื่อปี 2008 ก็ได้รับกระเเสตอบรับดีเป็นอย่างมากจึงมาการพัฒนารถขนาดนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องเเละล่าสุดนั้น Kawasaki Ninja ZX-25R ก็เป็นโมเดลที่คาวาซากิเเสนจะภาคภูมิใจเอามากๆ กับทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เเรงเเละรูปลักษณ์ลักษณ์ที่ได้รับการปรับโฉมเเต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของนินจาอยู่

เรามาดูกันที่ขนาดมิติตัวรถของ Kawasaki Ninja ZX-25R นั้นก็ถือว่ามีอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อมันมีขนาดความกว้างอยู่ที่ 750 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 1,980 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,110 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,380 มิลลิเมตร ส่วนระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 125 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะ 785 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 15 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 184 กิโลกรัม ถือว่าเป็นการปรับโฉมใหม่ที่น่าสนใจเอามากๆ สำหรับคาวาซากิรุ่นนี้

ทางด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์นั้น Kawasaki Ninja ZX-25R ก็พกพาขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke In-Line Four มีระบบวาล์วเเบบ DOHC, 16 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 50.0 x 31.8 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 11.5 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นเเบบ  Wet multi-disc, manual โดยมีระบบส่งกำลัง 6-speed, return, dog-ring โดยมีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection: ø30 mm x 2 โดยมีระบบสตาร์ทเป็นเเบบ Electric ถือว่าเเรงไม่ใช่เล่นสำหรับรถที่ขนาดเครื่องยนต์เท่านี้

เฟรมของ Kawasaki Ninja ZX-25R นั้นเป็นเฟรมถักใหม่แบบ All-new น้ำหนักเบาให้สมดุลที่ยอดเยี่ยมระหว่างความแข็งแรงและความสามารถในการให้ตัว ทางด้านระบบกันสะเทือนหน้านั้นเป็นเเบบ โช้คหน้าหัวกลับขนาดแกน ø37 มิลลิเมตร ของ Ninja ZX-25R ใช้โครงสร้างภายในแบบ SFF-BP ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างระบบแบบ Separate Function Fork (SFF) แยกฟังก์ชั่นการทำงานและ Big Piston (BPF) ลูกสูบใหญ่จาก Showa ส่วนระบบกันสะเทือนหลังนั้นจะเป็นเเบบโช้คอัพเดี่ยว Horizontal Back-link วางนอน ซึ่งมาพร้อมคาแรคเตอร์ในการควบคุมช่วงยุบที่เสริมประสิทธิภาพการควบคุมสไตล์รถซูเปอร์สปอร์ต โดยระบบกันสะเทือนเเบบนี้นำมาใช้กับรถจักรยานยนต์คลาส 250 ซีซี เป็นครั้งแรกของคาวาซากิเลยทีเดียว โดยมีเบรกหน้าเเบบ Dual semi-floating ø310 mm discs, radial-mount, monobloc, opposed 4-piston ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบ Single ø220 mm disc, Single-piston มีขนาดยางหน้าเเบบ 110/70R17M/C (54H) ส่วนยางหลังเเบบ 150/60R17M/C (66H) หน้าจอเเสดงผลเป็นรูปเเบบใหม่ที่ขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ all-digital TFT colour โคมไฟหน้ามีความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวสวยงาม รวมไปถึงไฟเลี้ยวทั้งสองข้างและไฟท้าย โดยตัวบอดี้มี 5 สีมาให้เลือกด้วยกันทั้งสี LIME GREEN/ EBONY (2023), สี LIME GREEN/EBONY/PEARL BLIZZARD WHITE (SE) (2022), สี METALLIC MATTE TWILIGHT BLUE/METALLIC GRAPHITE GRAY (SE) (2022), สี LIME GREEN / EBONY (SE) (2021) เเละสี METALLIC SPARK BLACK / PEARL FLAT STARDUST WHITE (SE) (2021)

ส่วนทางด้านของราคาขาย Kawasaki Ninja ZX-25R นั้นมีการเคาะราคาขายออกมาที่ 299,000 บาท สำหรับสีเเบบ LIME GREEN/ EBONY (2023) ส่วนสีเเบบ LIME GREEN/EBONY/PEARL BLIZZARD WHITE (SE) (2022) เเละ METALLIC MATTE TWILIGHT BLUE/METALLIC GRAPHITE GRAY (SE) (2022) นั้นจะมีราคาขายที่ 283,000 บาท ในขณะที่สีเเบบ LIME GREEN / EBONY (SE) (2021) เเละสี METALLIC SPARK BLACK / PEARL FLAT STARDUST WHITE (SE) (2021) มีราคาขาย 269,000 บาท
#14

Kawasaki KLX230R นั้นถูกผลิตมาสำหรับผู้ขับขี่ที่กำลังมองหาความสนุกบนทางฝุ่น สมบุกสมบัน หรือเส้นทางธรรมชาติ รวมไปถึงทะเลทรายโดยเฉพาะ สำหรับการพัฒนาในรุ่นใหม่นั้น คาวาซากิมาก็ผลิตมาพร้อมเครื่องยนต์และเฟรมที่ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการขับขี่แบบออฟโรดเป็นอันดับแรก เรียกว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก

Kawasaki KLX230R มีมิติตัวรถที่น่าสนใจ ตัวถังที่สุดยอดอีกรุ่น ด้วยความกว้างอยู่ที่ 840 มิลลิเมตร ทางด้านความยาวอยู่ที่ 2,045 มิลลิเมตร เเละมีความสูงที่ 1,200 มิลลิเมตร โดยมีระยะห่างช่วงล้ออยู่ที่ 1,360 มิลลิเมตร ส่วนความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 300 มิลลิเมตร เเละมีความสูงของเบาะนั่งที่ 925 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 6.6 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักรวมสุทธิอยู่ที่ 115 กิโลกรัม

Kawasaki KLX230R พกพาสมรรถนะที่เเรงน่าสนใจด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 233 ซีซี ที่เป็นเครื่องยนต์เเบบ Liquid-cooled, 4-stroke Single มีระบบวาล์วเเบบ SOHC, 2 valves ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก อยู่ที่ 67.0 x 66.0 มิลลิเมตร  อัตราส่วนแรงอัดอยู่ที่ 9.4 : 1 ส่วนระบบคลัทช์เป็นคลัทช์เปียกหลายแผ่นแบบธรรมดา มีระบบหล่อลื่น เเบบ Forced lubrication, wet sump ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเเบบ 6 สปีด, ย้อนกลับ ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนเป็นเเบบ Chain มีระบบจุดระเบิดเป็นเเบบ Digital ส่วนระบบจ่ายเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Fuel injection (ø32 x 1) โดยที่มีระบบสตาร์ทเป็นเเบบไฟฟ้า

Kawasaki KLX230R มาพร้อมกับเฟรม Perimeter ที่ผลิตจากเหล็กรับแรงดึงสูงใหม่แบบ All-new ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าเป็น ø37 mm telescopic fork ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ New Uni Trak with adjustable preload โดยที่ระบบเบรคด้านหน้าจะเป็นเเบบ Single ø240 mm petal disc คาลิปเปอร์เเบบ Twin-piston ส่วนระบบเบรคด้านหลังจะเป็นเเบบ Single ø220 mm petal disc คาลิปเปอร์เเบบ Single-piston ขนาดยางหน้าอยู่ที่ 80/100-21 51M ส่วนขนาดยางหลังอยู่ที่ 100/100-18 59M หน้าจอเเสดงผลขนาดเล็กเเบบดิจิตอล โดยการออกแบบตัวเฟรมและรูปทรงภายนอกที่มีความคอดกระชับช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถหนีบรถได้ถนัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุม ขณะที่เบาะซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถในตระกูล KX โดยที่แฮนด์บาร์ของรุ่นนี้สามารถเลือกปรับตั้งได้มากถึงสี่ระดับเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับตำแหน่งท่านั่งให้เหมาะกับขนาดของร่างกายและความต้องการ ส่วนสีของตัวบอดี้นั้นมีด้วยกัน 3 สี คือสีเขียว LIME GREEN (2023), สีเขียว LIME GREEN (2021) เเละสีเขียว LIME GREEN (2020)

ราคาขายของ Kawasaki KLX230R นั้นเคาะออกมาที่ 158,000 บาท สำหรับรุ่นที่มีตัวถังสีเขียว LIME GREEN (2023) ส่วนรุ่นที่มีตัวถังสีเขียว LIME GREEN (2021) เเละสีเขียว LIME GREEN (2020) จะมีราคาขายที่เรท 153,700 บาท
#15

Ducati Streetfighter V4 Lamborghini คือรถรุ่นพิเศษที่ดูคาติโคเเลปกับลัมโบกินี โดยผลิตออกมาเพียงเเค่ 630 คันทั่วโลกเท่านั้นเรียกว่าเป็นความพิเศษที่เหนือระดับเป็นอย่างยิ่ง

มิติตัวรถของ Ducati Streetfighter V4 Lamborghini นั้นมีพื้นฐานมาจาก Ducati Streetfighter V4 โดยมีขนาดน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 180 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 201 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 845 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,488 มิลลิเมตร ส่วนมุม Rake อยู่ที่ 24.5 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 100 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เบาะนั่งเป็นเเบบดับเบิ้ลซีท

ส่วนทางด้านของสมรรถนะของ Ducati Streetfighter V4 Lamborghini นั้นก็ได้พื้นฐานมาจาก Ducati Streetfighter V4 นั้นมีสมรรถนะที่ดุดัน โดยมันพกพาเครื่องยนต์เเบบ Desmosedici Stradale 90° V4, rearward-rotating crankshaft, 4 Desmodromically actuated valves per cylinder, liquid cooled มีขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1,103 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 81 x 53.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 14.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 208 เเรงม้าที่ 12,750 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 123 นิวตันเมตรที่ 11,500 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system. Twin injectors per cylinder. Full ride-by-wire elliptical throttle bodies  ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ 4-2-1-2 system, with 2 catalytic converters and 2 lambda probe มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed with Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears, Ratio 1.80:1 มีอัตราที่ 1=38/14 2=36/17 3=33/19 4=32/21 5=30/22 6=30/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain; Front sprocket 15; Rear sprocket 42 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch

Ducati Streetfighter V4 Lamborghini
มีเฟรมเเบบ Aluminum alloy "Front Frame" ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็น Fully adjustable Showa BPF fork. 43 mm chromed inner tubesในขณะที่ระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Fully adjustable Sachs unit. Aluminum single-sided swingarm  ในส่วนของระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเเบบ 2 x 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Monobloc Stylema® (M4.30) 4-piston callipers with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนเบรกหลังจะเป็น245 mm disc, 2-piston calliper with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนล้อหน้าจะเป็น 5-spokes light alloy 3.50" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ 5-spokes light alloy 6.00" x 17"  โดยได้รับการดีไซน์จาก styling of the Huracan STO โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa 2 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Rosso Corsa 2 200/60 ZR17 โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ minimalist full-LED headlight พร้อมกับมี LED Daytime ไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียคู่ดูดุดันอย่างมาก หน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวถังมี STO logo เเละ number 63 พร้อมโลโก้ของลัมโบกินี อีกด้วย นอกจากนี้ชิ้นส่วนหลายชิ้นได้รับการอัพเกรดเป้ฯวัสดุอย่างเเคปล่า ตัวบอดี้ได้รับการดีไซน์สีเขียวที่เป็นสีเดียวกับ Verde Citrea

ทางด้านราคาขายของ Ducati Streetfighter V4 Lamborghini นั้นเคาะออกมาที่ 68,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.47 ล้านบาท
#16

Ducati Panigale V4 S เป็นสปอร์ตไบค์ของดูคาติอีกรุ่นที่น่าสนใจเเละมันสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้มาสัมผัสกับสมรรถนะที่ร้อนรองบนทางเรียบ

Ducati Panigale V4 S
นั้นมีโครงสร้างมิติตัวรถที่ลงตัว โดยมันมีน้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 174 กิโลกรัม ส่วนน้ำหนักรถพร้อมวิ่งจะอยู่ที่ 195 กิโลกรัม ส่วนความสูงของเบาะนั่งอยู่ที่ 835 มิลลิเมตร ความยาวของฐานล้ออยู่ที่ 1,469 มิลลิเมตร มุม Rake อยู่ที่ 24.5 องศา ส่วนระยะเทรลอยู่ที่ 100 มิลลิเมตร ถังบรรจุเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 16 ลิตร เบาะนั่งโดยสารเป็นเเบบ Dual seat

Ducati Panigale V4 S มาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ Desmosedici Stradale 90° V4, counter-rotating crankshaft, 4 Desmodromic timing, 4 valves per cylinder, liquid-cooled ที่มีขุมพลังขนาด 1,103 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก อยู่ที่ 81 x 53.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 14.0 : 1 เครื่องยนต์สามารถให้กำลัง 214 เเรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที ส่วนเเรงบิดอยู่ที่ 124.0 นิวตันเมตรที่ 10,000 รอบต่อนาที ส่วนระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Electronic fuel injection system. Twin injectors per cylinder. Full ride-by-wire elliptical throttle bodies. Variable length intake system ส่วนระบบไอเสียจะเป็น4-2-1-2 system, with 2 catalytic converters and 2 lambda probes มีระบบเกียร์เป็นเเบบ 6 speed with Ducati Quick Shift (DQS) up/down EVO 2 ในขณะที่ Primary Drive เป็นเเบบ Straight cut gears; Ratio 1.80:1 มีอัตราที่ 1=38/14 2=36/17 3=33/19 4=32/21 5=30/22 6=30/24 ส่วน Final Drive นั้นเป็นเเบบ Chain; Front sprocket 16; Rear sprocket 41 ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์เเบบ Hydraulically controlled slipper and self-servo wet multiplate clutch

Ducati Panigale V4 S มาพร้อมกับเฟรมเเบบ Aluminum alloy "Front Frame" with optimized stiffnesses ที่ได้รับการออกเเบบใหม่มาเป็นอย่างดี มีความเเข็งเเกร่งเเละทนทานสูง ส่วนระบบกันสะเทือนหน้าจะเป็นเเบบ Öhlins NIX30 43 mm fully adjustable fork with TiN treatment. Electronic compression and rebound damping adjustment with Öhlins Smart EC 2.0 event-based mode ทางด้านระบบกันสะเทือนหลังจะเป็นเเบบ Fully adjustable Ohlins TTX36 unit. Electronic compression and rebound damping adjustment with Öhlins Smart EC 2.0 event-based mode. Aluminium single-sided swingarm ระบบเบรกจะมีระบบเบรกหน้าเป็นเเบบ 2 x 330 mm semi-floating discs, radially mounted Brembo Monobloc Stylema® (M4.30) 4-piston callipers with Bosch Cornering ABS EVO ส่วนเบรกหลังจะเป็นเเบบ 245 mm disc, 2-piston calliper with Cornering ABS EVO ส่วนล้อหน้าจะเป็น 5-spokes light alloy 3.50" x 17" ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบ 3-spokes forged aluminum alloy 6.00" x 17" โดยยางหน้าจะเป็นเเบบ Pirelli Diablo Supercorsa SP 120/70 ZR17 ส่วนยางหลังเป็นเเบบ Pirelli Diablo Supercorsa SP 200/60 ZR17 ด้านหน้าเป็นเเบบ Panigale look มี air intakes 2 ตำเเหน่ง โคมไฟหน้าได้รับการออกเเบบใหม่เเละเป็นเเบบ full-LED headlight ทั้งสองดวง เเฟริ่งเป็นเเบบ Double Layer ส่วนไฟท้ายเเละไฟเลี้ยวเป็นเเบบ Full LED lights ทั้งหมด ท่อไอเสียเดี่ยวดูดุดันพร้อมหน้าจอเเสดงผลการขับขี่มีขนาด 4.3 นิ้ว เเบบ TFT colour พร้อมเชื่อมต่อระบบอื่นๆ อีกหลายระบบ ตัวบอดี้มีเป็นเฉดเดียวคือสีเเดง Ducati Red อันเป็นเเบบฉบับของดูคาติ

ราคาขายของ Ducati Panigale V4 S นั้นเคาะออกมาที่เรท 1,264,000 บาท นับว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ
#17

รถจักรยานยนต์ของไทรอัมพ์ที่ร้อนเเรงทั้งในเรื่องของสมรรถนะเเละรูปโฉมคงหนีไม่พ้นรถในตระกูล ROCKET เเละสำหรับ Triumph ROCKET 3R Black ก็เป็นรถที่มีคุณสมบัติเหล่านั้นอย่างครบถ้วน เเละมั่นใจได้เลยว่ามันจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้สัมผัสอย่างเเน่นอน

โครงสร้างมิติตัวรถของ Triumph ROCKET 3R Black นั้นนับว่าลงตัวเป็นอย่างมาก ด้วยการที่มีแฮนด์บาร์กว้าง 889 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,065 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 773 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,677 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 27.9 º ส่วนเทรลอยู่ที่ 134.9 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 20 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 291 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.0 ลิตร/100 กิโลเมตร

ในส่วนของสมรรถนะเครื่องยนต์นั้น Triumph ROCKET 3R Black มาพร้อมกับเครื่องยนต์เเบบ 3 สูบแถวเรียงแบบ DOHC ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยมีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 2,458 ซีซี กระบอกสูบขนาด 110.2 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 85.9 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 10.8:1 สามารถให้กำลังที่ 165 เเรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 221 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที โดยมีระบบการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นเเบบ Ride-by-Wire, fuel injected ส่วนระบบไอเสียจะเป็นเเบบ Black 3-into-1 headers with 3 exit silencer ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบ Shaft, bevel box  โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบ Wet, multi-plate, hydraulically operated, torque assist ส่วนระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 6 สปีด

เฟรมของ Triumph ROCKET 3R Black นั้นได้รับการออกเเบบมาใหม่เเละเป็นเเบบ Full aluminium frame ส่วนสวิงอาร์มจะเป็นเเบบ Single sided, cast aluminium โดยที่ล้อหน้าจะเป็นเเบบ 17 x 3.5in cast aluminium ในขณะที่ล้อหลังจะเป็นเเบบ 16 x 7.5in cast aluminium ส่วนยางหน้ามีขนาด 150/80 R17 V ยางหลังมีขนาด 240/50 R16 V โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ Showa 47mm upside-down 1+1 cartridge front forks, compression and rebound adjuster ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ Fully adjustable Showa piggyback reservoir RSU with remote hydraulic preload adjuster โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบ Dual 320mm discs, Brembo M4.30 Stylema® 4-piston radial monobloc calipers, Cornering ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบ Single 300mm disc, Brembo M4.32 4-piston monobloc caliper, Cornering ABS หน้าจอเเสดงผลจะเป็นลักษณะของแผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชัน TFT 7" พร้อมมาตรวัดความเร็วดิจิทัล, ทริปคอมพิวเตอร์, มาตรวัดรอบเครื่องดิจิทัล, สัญลักษณ์แสดงตำแหน่งเกียร์, เกจน้ำมันเชื้อเพลิง, สัญลักษณ์เตือนการซ่อมบำรุง, อุณหภูมิแวดล้อม, นาฬิกา และโหมดการขี่ โดยมันมีสีดำเพียงสีเดียวเท่านั้น เเละผลิตออกมาเพียงเเค่ 1,000 คันทั่วโลก ทุกคันจะมีบรับรองที่ระบุหมายเลข VIN โดยที่เครื่องยนต์สีดำอันเป็นเอกลักษณ์ประกอบไปด้วย เฮดเดอร์ท่อไอเสียและแผ่นป้องกันความร้อนพ่นสีดำ กับ ฝาครอบไอดีทำสีพาวเดอร์โค้ทแบบ Crinkle Black ไม่ซ้ำใคร ส่วน กรอบไฟหน้า, บังลมหน้าฝาครอบหม้อน้ำ, เบาะนั่งและส่วนท้ายรถ เเละตราสัญลักษณ์และล้อหลังสีดำทั้งหมด นอกจากนี้ชิ้นส่วนสีดำอโนไดซ์ได้แก่ โครงท้ายอะลูมิเนียมอัดขึ้นรูป, ก้านเบรกและก้านคลัตช์, ตุ๊กตาและประกับแฮนด์บาร์, กระเดื่องโช้คหลัง, การ์ดสวิงอาร์ม ขาตั้ง, ชุดพักเท้าผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, คันเบรกและคันเกียร์, การ์ดข้อเท้า เเละกระจกปลายแฮนด์แบบกลึงขึ้นรูปสุดพรีเมียม

สนราคาของ Triumph ROCKET 3R Black นั้นอยู่ที่ราคา 1,015,000 บาท
#18

Triumph NEW SPEED TWIN 900 CHROME EDITION อีกรุ่นของไทรอัมพ์ในซีรีย์ Chrome Edition ที่เป็นรถคัสตอมคลาสสิกที่ขายดีที่สุด โดยที่มันมาพร้อมการเก็บรายละเอียดสีโลหะสมจริงที่ไม่เหมือนใคร และธีมสี Red Hopper สุดโดดเด่น  เกินต้าน

โครงสร้างตัวรถของ Triumph NEW SPEED TWIN 900 CHROME EDITION นั้นลงตัวอย่างยิ่ง โดยมีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 780 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,110 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 765 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,450 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.1 º ส่วนเทรลอยู่ที่ 102.4 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 12 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 217 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Triumph NEW SPEED TWIN 900 CHROME EDITION มาพร้อมกับเครื่องยนต์ในเเบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270 องศา ที่มีขุมพลังขนาด 900 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 64.1 เเรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,250 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงหลายจุดเป็นลำดับ ส่วนระบบท่อไอเสียเป็นเเบบท่อไอเสียคู่ยกสูงเข้า 2 ออก 2 พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสปัดเงา ทางด้านของไฟนอลไดรฟ์จะเป็นเเบบระบบโซ่ โดยมันทำงานร่วมกับระบบครัตช์เปียกผ่อนแรงแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ทางด้านระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 5 สปีด

Triumph NEW SPEED TWIN 900 CHROME EDITION มีเฟรมเเบบโครงเหล็ก ส่วนสวิงอาร์มเป็นเเบบสวิงอาร์มโครงเหล็กแขนคู่ โดยที่ล้อหน้าเป็นเเบบล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ ขนาด 18 x 2.75 นิ้ว ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ ขนาด 17 x 4.25 นิ้ว ส่วนยางหน้าเป็นเเบบ 100/90-18 ยางหลังเป็นเเบบ1 50/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คคาร์ทริดจ์ ขนาด 41 มิลลิเมตร ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้คหลังคู่ พร้อมตัวปรับพรีโหลด โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบคาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo แบบ 4 ลูกสูบพร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวแบบลอยตัวขนาด 310 มิลลิเมตร และระบบ ABS ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบคาลิปเปอร์เบรกสูบเดี่ยว Nissin พร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 255 มิลลิเมตร และระบบ ABS โดยมีมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อก ส่วนโคมไฟหน้าทรงกลมดวงใหญ่ 1 ดวง พร้อมไฟเลี้ยว เบาะนั่งยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ตัวบอดี้มีสีแดง ส่วนตัวถังชุปโครเมียมสวยงามลงตัวมาก

ราคาขายของ Triumph NEW SPEED TWIN 900 CHROME EDITION  อยู่ที่เรท 414,000 บาท เเละมีการวางจำหน่ายเพียง 1 ปีเท่านั้น

#19


Triumph NEW BONNEVILLE T100 CHROME EDITION
คืออีกหนึ่งใน Chrome Edition ของไทรอัมพ์ที่ได้รับการถ่ายทอด DNA มาจากรถรุ่นก่อนเป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของสไตล์เเละเสริมด้วยธีมชุบโครเมียม ทำให้มันคงอยู่เหนือกาลเวลา

Triumph NEW BONNEVILLE T100 CHROME EDITION มีความกว้างของแฮนด์รถอยู่ที่ 780 มิลลิเมตร ความสูงไม่รวมกระจกอยู่ที่ 1,110 มิลลิเมตร ความสูงที่นั่ง 790 มิลลิเมตร ระยะระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังอยู่ที่ 1,450 มิลลิเมตร เรคอยู่ที่ 25.5 º ส่วนเทรลอยู่ที่ 104.0 มิลลิเมตร ถังน้ำมันเชื้อเพลิงมีขนาดความจุ 14.5 ลิตร เเละมีน้ำหนักรวมสุทธิที่ 229 กิโลกรัม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.1 ลิตร/100 กิโลเมตร

Triumph NEW BONNEVILLE T100 CHROME EDITION พกพาความเเรงมาด้วยเครื่องยนต์เเบบระบายความร้อนด้วยของเหลว, SOHC 8 วาล์ว, สูบคู่ขนาน องศาการจุดระเบิด 270° ที่มีขุมพลังขนาด 900 ซีซี กระบอกสูบขนาด 84.6 มิลลิเมตร ส่วนระยะชักอยู่ที่ 80 มิลลิเมตร ส่วนอัตราส่วนการบีบอัดอยู่ที่ 11.0:1 สามารถให้กำลังที่ 64.1 เเรงม้าที่ 7,250 รอบต่อนาที โดยมีเเรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 80 นิวตันเมตรที่ 3,250 รอบต่อนาที โดยมีระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ แบบ Multipoint sequential ส่วนระบบท่อไอเสียสองชั้นสเตนเลสสตีลขัดเงาแบบ 2 ออก 2 พร้อมท่อเก็บเสียงสแตนเลสปัดเงา ไฟนอลไดรฟ์ จะเป็นเเบบโซ่ โดยมันทำงานร่วมกับระบบคลัตช์แบบเปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบช่วยผ่อนแรง ระบบเกียร์จะเป็นเเบบ 5 สปีด

Triumph NEW BONNEVILLE T100 CHROME EDITION มีเฟรมเเบบโครงเหล็ก (Tubular steel) ส่วนสวิงอาร์มเป็นโครงเหล็กแขนคู่ (Twin-Sided - Tubular steel) ส่วนล้อหน้าเป็นเเบบล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ ขนาด 18 x 2.75 นิ้ว ในขณะที่ล้อหลังเป็นเเบบล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ ขนาด 17 x 4.25 นิ้ว ส่วนยางหน้ามีขนาด 100/90-18 ยางหลังมีขนาด 150/70 R17 โดยที่มีระบบกันสะเทือนหน้าเป็นเเบบ โช้คคาร์ทริดจ์ ขนาด 41 มิลลิเมตร ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นเเบบ โช้คหลังคู่ สามารถปรับพรีโหลดได้ โดยที่ระบบเบรกนั้นเบรกหน้าจะเป็นเเบบคาลิปเปอร์เบรกคู่หน้า Brembo แบบ 2 สูบพร้อมดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหลังเป็นเเบบ คาลิปเปอร์เบรกสูบเดี่ยว Nissin พร้อมดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 255 มิลลิเมตร และระบบ ABS โดยมีหน้าจอเเสดงผลการขับขี่เป็นเเบบมาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อกพร้อมจอแสดงผลมัลติฟังก์ชั่น LCD โคมไฟหน้าทรงกลมดวงใหญ่ 1 ดวง ท่อไอเสียเดียวแบบโครเมียมสวยงามมากพร้อมเบาะนั่งยาวจำนวน 2 ที่นั่ง ตัวบอดี้มีสีน้ำเงิน สีเดียว ที่ตัวถังจะมีการชุปโครเมียมอย่างสวย

สนราคาขายของ Triumph NEW BONNEVILLE T100 CHROME EDITION อยู่ที่ เรทราคา 477,000 บาท เเละวางจำหน่ายเพียง 1 ปีเท่านั้น
#20

Harley-Davidson CVO ROAD GLIDE LIMITED คือรุ่นครบรอบปี 2030 คือ Bagger คัสตอมลงหมายเลขซีเรียลในจำนวนจำกัดอย่างยิ่ง จัดเต็มมาพร้อมดีเทล สไตล์ และขุมพลังในแบบเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อฉลองครบรอบ 120 ปีของมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson นี่คือที่สุดแห่งการขับขี่สู่อีเวนต์ H-D Homecoming

สำหรับโครงสร้างของ Harley-Davidson CVO ROAD GLIDE LIMITED นั้นเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ โดยมีมิติความยาวตัวรถอยู่ที่ 2,570 มิลลิเมตร ส่วนทางด้านของระดับความสูงเบาะ ขณะไม่ได้บรรทุก อยู่ที่ 760 มิลลิเมตร ระยะใต้ท้องรถอยู่ที่ 130 มิลลิเมตร ส่วนระยะเยื้องของตะเกียบหน้าอยู่ที่ 26 ในขณะที่ส่วนท้ายมีขนาด 170 มิลลิเมตร ฐานล้อมีระยะ 1,625 มิลลิเมตร ยางล้อหน้าเป็นเเบบ BW 130/60B19 61H ส่วนยางล้อหลังเป็นเเบบ BW 180/55B18 80H โดยที่ยางจะแบบ Dunlop Harley-Davidson Series โดยมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 22.7 ลิตร ส่วนความจุน้ำมันเครื่องพร้อมไส้กรองอยู่ที่ 4.7 ลิตร ทำให้มีน้ำหนักขณะขนส่งอยู่ที่ 420 กิโลกรัมเเละมีน้ำหนักพร้อมขับขี่อยู่ที่ 437 กิโลกรัม ความจุสัมภาระมีปริมาตร 0.132 ลบ.ม.

สมรรถนะเครื่องยนต์ของ Harley-Davidson CVO ROAD GLIDE LIMITED ก็น่าสนใจไม่น้อย ด้วยการมาพร้อมกับเครื่องยนต์รุ่น  Twin-Cooled Milwaukee-Eight 117 ที่มีขุมพลังขนาดใหญ่ถึง 1,923 ซีซี มีความกว้างของกระบอกสูบ 103.5 มิลลิเมตร มีจังหวะขึ้นลงของลูกสูบที่ 114.3 มิลลิเมตร โดยมีอัตราส่วนการอัดที่ 10.2:1 มีระบบเชื้อเพลิงเป็นระบบช่องฉีดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์แบบต่อเนื่อง (ESPFI) เเละมีท่อไอเสียเเบบคู่ พร้อมครอสโอเวอร์ โดยแรงบิดเครื่องยนต์อยู่ที่ 166 Nm มีแรงบิดเครื่องยนต์ (รอบต่อนาที) อยู่ที่ 3500 ให้กำลังเเรงม้าที่ 105 HP / 78 kW @ 5450 rpm ส่วนมุมเลี้ยวขวาอยู่ที่ 34.3 องศา ส่วนมุมเลี้ยวซ้ายอยู่ที่ 33.4 องศา ส่วนวิธีทดสอบการประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเเบบ EU 134/2014 ทำให้มีการประหยัดเชื้อเพลิงอยู่ที่ 6.3 ลิตร/100 กิโลเมตร โดยระบบขับเคลื่อนหลักเป็นเกียร์ 6 สปีด มีอัตราทดของโซ่ 34/46

เฟรมของ Harley-Davidson CVO ROAD GLIDE LIMITED ก็ได้รับการออกเเบบมาให้มีความเเข็งเเรงด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสันให้มีความเเข็งเเกร่งสูง โดยทางด้านแชสซีจะมี โช้คหน้าเป็นเเบบวาล์วแบบ Dual Bending ขนาด 49 มิลลิเมตร ในขณะที่โช้คหลังเป็นเเบบ ระบบกันสะเทือนด้านหลังมาตรฐานระดับพรีเมียมแบบปรับสูงต่ำได้ ล้อหน้าเเละล้อหลังเป็นเเบบสี Gloss Black และสี Contrast Chrome Tomahawk  ส่วนจานเบรกหน้าเป็นเเบบจานเบรกแบบสองชิ้น ทางด้านหลังจะเป็นเเบบจานเบรกแบบคงที่ ส่วนคาลิเปอร์เบรกเป็นเเบบ 4 ลูกสูบหน้ายึดกับที่และหลังขนาด 32 มิลลิเมตร ส่วนโคมไฟหน้าเป็นทรงกลมสองดวงขนาดใหญ่ที่สวยงามคลาสสิคอยู่ในครอบกระจังสไตล์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อันเป็นเอกลักษณ์ ส่วนระบบไฟจะเป็นเเบบไฟต่ำ LED 34 วัตต์ ความสว่าง 915 ลูเมน ไฟสูง LED 37 วัตต์ ความสว่าง 915 ลูเมน โดยที่าตรวัดที่ออกแบบมาให้เสริมความโดดเด่นของรถ CVO แต่ละคัน จอแสดงผลจะแสดงมาตรวัดระยะทาง, มาตรบันทึกระยะทาง A, มาตรบันทึกระยะทาง B, ระยะทางที่ขับขี่ได้ก่อนน้ำมันเชื้อเพลิงหมด, ไฟแสดงสถานะเกียร์ และไฟบอกสถานะที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เบาะนั่ง 2 ที่นั่งขนาดใหญ่ โดยเบาะนั่งและมือจับแบบทำความร้อนได้อีกด้วย มีระบบอินโฟเทนเมนต์เเบบ Boom! Box GTS พร้อมขนาดลำโพงมาตรฐาน 5.25 นิ้ว โดยมาพร้อมกับระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS), ระบบเบรกที่เชื่อมโยงแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ELB) เเละระบบอื่นๆ อีกมากมาย โดยตัวถังมีสี Heirloom Fade

ราคาขายของ Harley-Davidson CVO ROAD GLIDE LIMITED มีสนราคาขายอยู่ที่ 4,118,000 บาท